ใครที่ไปเที่ยวจีนหลายคนคงรู้กันเป็นอย่างดีว่าจีนนั้นมี great firewall ซึ่งบล๊อคการเข้าหลายๆเวปไซต์ที่เราคนไทยนิยมใช้กัน เช่น facebook, google, instagram, youtube หรือ แม้แต่ LINE
แล้วทีนี้ถ้าเราไปเที่ยวจีน หรือ ไปอยู่จีน เราจะทำอย่างไรกับfirewallนี่ดี วันนี้เราจะมาลองเสนอหลายๆวิธีที่จะก้าวข้าม Firewall นี่กัน เริ่มตั้งแต่วิธีที่คนทั่วไปใช้ และวิธีที่อาจจะซับซ้อนขึ้นนิดนึง เริ่มเลย
- ซิมข้ามประเทศ
วิธีนี้เป็นวิธีที่คนไทยใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นวิธีแรกที่ผู้เขียนรู้จักเหมือนกัน สมมติว่ามาเที่ยวจีน 2–3วัน เราก็ไปซื้อ Travel ซิมการ์ด sim2fly ของ AIS (อันนี้คนนิยมสุด รองลงมาก็ของ True) ซึ่งจะทำให้เราเล่นเน็ทได้ 4 GB ราคา 399 บาท เป็นเวลา 8 วัน วิธีนี้แนะนำมากๆสำหรับคนที่ไปเที่ยวระยะสั้น เพราะเราไม่ต้องทำอะไรกับมันมาก ซื้อซิมที่สนามบินแล้วก็เปลี่ยนใช้ได้ทันที
แต่สำหรับคนที่ไปอยู่นานกว่า 1 อาทิตย์ หรือมีความจำเป็นต้องใช้ internet สำหรับทำงานบนคอมพิวเตอร์แล้วล่ะก็ ให้อ่านวิธีต่อมาค่ะ
2. Virtual Private Network (VPN)
วิธีนี้นักศึกษาบางมหาลัยอาจจะได้เปรียบ เพราะบางมหาลัยสมัยนี้มีบริการ VPN ให้สำหรับนักศึกษาอยู่แล้ว ดังนั้น พอไปถึงจีนก็ต่อ VPN ใช้ได้ทันที
แต่สำหรับคนที่ไม่มี VPN อยู่แล้ว ก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ ฟรี VPN กับ VPN แบบเสียตังค์
ซึ่ง VPN ทั้งฟรีหรือไม่ฟรี ต้องโหลดไปจากไทยก่อนนะคะ เพราะว่าพอไปถึงจีน ใช้เน็ทจีนแล้วล่ะก็ เค้าจะบล็อคเวปที่ให้บริการพวกนี้หมด
สำหรับ Free VPN อันนี้ต้องบอกก่อนว่าใช้เมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะว่าความเร็วมันอืดมาก และส่วนใหญ่จะใช้ได้อยู่ไม่กี่วันหรือไม่กี่เดือนเพราะโดน AI ของจีนตรวจจับและบล็อคในที่สุด Free VPN ที่ใช้ได้อยู่ ณ ปัจจุบันวันที่เขียน (8 ก.ย. 2562) นี้มีดังนี้
- SetupVPN อันนี้เป็น extension ของ chrome แนะนำมากๆ เพราะเท่าที่ใช้ของฟรีมา อันนี้ดีสุดแล้ว เวลาใช้ให้ต่อ server ไปที่ ญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ สามารถดู youtube ได้ มีความเร็วตกบ้าง ไม่สม่ำเสมอบ้าง แต่ในบรรดา VPN free ที่ใช้อันมา อันนี้ดีสุดแล้ว
- Hotspot sheild ผู้ให้บริการเจ้านี้เป็นแบบ cross-platform สามารถลงได้ทั้ง android, iphone, windows, mac, chrome มีdata limit 500 MB/วัน ซึ่งมากเกินพอสำหรับการใช้internetทั่วไปบนมือถือ แต่ความเร็วยังเป็นรองเจ้าบนอยู่ และบางครั้งมันก็อืดมากๆ
- Windscribe อันนี้เป็น cross-platform เหมือนกัน แนะนำสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ VPN บ่อย เพราะ Free version ของ windscribe limit ให้ใช้ได้ 10 GB/เดือน เท่านั้น แต่ความเร็วเสถียรมากกว่า 2 อันบนอย่างมาก สามารถดู youtube ได้โดยไม่สะดุด และที่สำคัญ VPN เจ้านี้มักออกโปรโมชั่นมาบ่อยๆ ช่วงจังหวะดีๆอาจจะหาคูปองให้ใช้ได้ 20 GB/เดือน หรือ 50 GB/เดือนก็มี ซึ่งสำหรับการใช้ internet ทั่วไป 50 GB/เดือนนี่ถือว่าเพียงพอแล้ว
สำหรับบริการ VPN แบบเสียเงินก็มีหลายเจ้ามากเช่นกัน แต่ที่คนส่วนใหญ่นิยมให้จะมีอยู่ 2–3 ยี่ห้อด้วยกันดังนี้
ทั้ง 3 ยี่ห้อ ยังไม่ถูกบล็อคด้วย great firewall ของจีนและเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางมาจีน และทั้ง 3 ยี่ห้อก็ยังมี promotion ที่แข่งกันตัดราคาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ราคาไม่แพงมากนัก แต่จะมีข้อเสียตรงที่ส่วนใหญ่จะให้เราจ่ายเป็นรายปีถึงจะถูก ถ้าจ่ายรายเดือน ราคาจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่า แต่ถ้าซื้อทั้งปีก็ไม่มีอะไรรับประกันนะคะว่า VPN เจ้าที่ว่านี่จะถูก firewall จีนบล็อคเมื่อไหร่ เพราะงั้น pay at your own risk ค่ะ
ส่วนวิธีสุดท้ายที่จะแนะนำเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันอย่างแพร่หลาย อาจจะเพราะว่าพวก VPN นั้นไม่สามารถโหลดในจีนหรือแม้แต่จ่ายค่าบริการในจีนได้ เขาจึงเลือกใช้วิธีสุดท้ายนี้ ซึ่งว่ากันว่าเร็วกว่า VPN ด้วยซ้ำ
3. Shadowsocks
Shadowsocks ไม่ใช่ VPN แต่จัดเป็นการท่องเวปผ่าน encrypted proxy แบบหนึ่ง ก็คล้ายเวป proxy ค่ะ แต่ proxy ธรรมดาผ่านกำแพงเมืองจีนไม่ได้ เพราะงั้นคนก็เลยสร้าง shadowsocks นี่ขึ้นมา
เช่นเดิม…การจะใช้ shadowsocks เราก็ต้องโหลดโปรแกรมจากไทยไปก่อน ถึงแม้ว่าในจีนเองจะมีเวปจีนหลายเวปที่ให้ลิงค์ดาวโหลดในจีนเหมือนกัน แต่ถ้าอ่านภาษาจีนไม่ออกก็จบกัน
เพราะงั้น เริ่มเลยค่ะ แนะนำให้โหลด zip file จาก github และไม่แนะนำให้โหลดตัว client จากเวปของ shadowsocks เพราะวิธีที่เราจะแนะนำจะใช้กับตัว client นี้ไม่ได้
โหลดมาแล้วก็ unzip แล้วก็คลิกที่ shadowsocks.exe เพื่อเปิดโปรแกรม ในบางกรณีที่ไม่สามารถเปิดได้ ให้เปลี่ยน compatibility mode เป็นของ windows 7 โดยเข้าไปที่ Application tools แล้วคลิกที่ Troubleshoot compatibility
เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาก็เห็น window ดังรูปข้างล่าง ซึ่งโดยขั้นตอนปกติ เราต้องกด add และ ใส่ Server Address, Server Port, Password และ Encryption method คลิก apply และ ok เพื่อใส่ข้อมูล proxy ที่เราต้องการ แต่….คำถามคือ…เราจะไปเอาข้อมูลนี้จากไหน? ดังนั้น ยังไม่ต้องทำอะไรค่ะ กดปิดหน้าต่างนี้ไปก่อน ซึ่งพอกดปิดแล้ว โปรแกรมมันจะยังไม่ปิดนะคะ มันต่อถูกย่อไปอยู่ใน icon tray ด้านล่าง
วิธีที่เราจะหาข้อมูล server ไปใส่ได้นั้นมีอยู่ 2 วิธี 1. สร้าง shadowsocks server ขึ้นมาเอง โดยการไปเช่า VPS รายเดือนจากผู้ให้บริการ cloud computing ซึ่งเราจะไม่ลงรายละเอียดในโพสนี้ เพราะว่ามันมีขั้นตอนมากพอสมควรและเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ linux command เป็น ถ้าอยากให้เขียนขั้นตอนโดยละเอียด รบกวนผู้อ่านโหวตกันเข้ามานะคะ
ส่วนอีกวิธีที่ 2. ซึ่งเราไม่ต้องทำ server เอง แต่ไปเอาข้อมูลมาจากผู้ให้บริการ shadowsocks server ฟรีบน internet ก็มีอยู่ 2 เวปที่แนะนำค่ะ
ซึ่งทั้ง 2 เวปนี้จาก shadowsocks server (ss) ฟรีๆกันตลอด โดยที่ globalssh จะ reset password ทุก 7 วัน และ ishadowx จะ reset ทุก 6 ชม. เหมือนเดิมค่ะ แนะนำให้ใช้ server ของญี่ปุ่นหรือไม่ก็สิงคโปร์
วิธีใช้นั้นก็ง่ายมากโดยเลือก server ที่ต้องการแล้วกด generate QR code เมื่อ qr code ปรากฎบนจอแล้ว ให้คลิกขวาที่ shadowsocks icon ใน system tray เข้าไปที่ server แล้วเลือก Scan QR code from screen เพียงเท่านี้ โปรแกรมก็จะscan QR code และใส่ข้อมูล server ให้อัตโนมัติ หลังจากนั้นก็เพียงแค่กด apply และ ok เท่านี้ shadowsocks ของเราก็พร้อมใช้งาน
วิธีเปิดใช้งาน shadowsocks ก็โดยการคลิกขวาที่ shadowsocks icon นั้น แล้วเลือก system proxy แล้วคลิก global .. สีของ icon จะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน นั่นแปลว่า shadowsocks นั้นเริ่มทำงานแล้ว และเราก็เข้าเวปได้ตามปกติ
shadowsocks มีแอพฟรีบน android ในขณะที่ของ ios ต้องโหลดแอพเสียตังค์มา โดยแอพที่แนะนำชื่อ shadowrocket ค่ะ
คำเตือน: การใช้ของฟรีมีความเสี่ยง ไม่แนะนำให้ใช้แอพธนาคารหรือใส่ข้อมูลส่วนตัวในขณะที่ใช้ของฟรี ไม่มีใครรับประกันนะคะว่าข้อมูลจะรั่วไหลเมื่อไหร่
หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่จะเดินทางมาจีนไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วก็มาถึงแล้วก็ไม่ได้ถูกตัดขาดจากคนที่ไทยเพราะเล่น LINE หรือ facebook ไม่ได้ เหอๆ